เวอร์จิ้น (2001–2002)
มารายห์ แครี (Mariah Carey) เกิดเมื่อวันที่
27 มีนาคม ค.ศ. 1970 ที่ เมืองฮันติงตัน
รัฐนิวยอร์ก เธอเป็น
นักร้องและนักประพันธ์เพลง
ป็อปชาว
อเมริกันระดับแถวหน้า โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ 90 แครีถือได้ว่าเป็น
ศิลปินที่ประสบความสำเร็จที่สุดใน
ทศวรรษดังกล่าว เนื่องจากตามรายงานของ
นิตยสารบิลบอร์ด และ
เวิร์ล มิวสิก อวอร์ดส แครีเป็นศิลปินที่มียอดขายมากที่สุดแห่งทศวรรษ
นอกจากงานทางด้านนักร้องแครียังเป็นนักประพันธ์
เพลง โปรดิวเซอร์ดนตรี ผู้กำกับ
มิวสิกวิดีโอ และนักแสดง และนอกจากนั้น เธอยังมีส่วนช่วยเหลือองค์กรการกุศลหลาย ๆ องค์กร
ชีวิตในวัยเด็กและครอบครัว ปี 1970 ถึง 1990 แครีเริ่มอาชีพ
นักร้องเมื่อปี
ค.ศ. 1990 ด้วยผลงาน
อัลบั้มชุดแรกที่มีชื่อชุดตรงกับชื่อของเธอเอง อัลบั้มนี้มี
เพลงที่ติดอันดับ 1 ของตารางจัดอันดับเพลงใน
สหรัฐอเมริกาถึง 4 เพลง ได้แก่ เพลง
Vision Of Love,
Love Takes Time,
Someday และ
I Don't Wanna Cry) เพลงที่ร้องในการแสดงสดครั้งนี้ ได้รับการบันทึกลงในอัลบั้มอีพีของเธอที่ชื่อ "
MTV Unplugged" โดยมีเพลงทั้งหมด 7 เพลงด้วยกัน
การประสบความสำเร็จในช่วงแรก ปี 1990 ถึง 1992 มารายห์ แครี แต่งงานกับ ทอมมี่ มอตโตล่า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทโซนี่ในขณะนั้น ในเดือน
มิถุนายน ค.ศ. 1993 ที่
แมนฮัตตัน สหรัฐอเมริกา นอกจากผลงานของเธอแล้ว ในช่วงปีนี้ แครียังได้ไปร่วมประสานเสียงให้กับเพลง
Everytime I close My Eyes ของ
เบบี้เฟส อีกด้วย
ความสำเร็จไปทั่วโลก ปี 1993 ถึง 1996 ในปี
ค.ศ. 1997 มารายห์ แครี และทอมมี่ มอตโตล่า ก็ต้องแยกทางกัน หลังจากที่เธอต้องสร้างภาพสู่สาธารณชนว่าเธอมีความสุขในชีวิตคู่ ซึ่งแท้จริงแล้วแครีไม่มีความสุขเลย เธอถูกปฏิบัติเหมือนนกในกรงทอง เธอถูกเฝ้าดูทุกฝีเก้า ไม่มีความเป็นอิสระ จนสุดท้ายการหย่าร้างก็เกิดขึ้นในปีถัดมา
แครีได้ก้าวสู่ฐานะศิลปินแนวอาร์แอนด์บี โดย ได้ทำงานกับเจย์-ซี เพลง
Things That U Do และ
Got A Thing For You ของ
ดา แบรท (Da Brat)
ความเป็นอิสระและภาพลักษณ์ใหม่ ปี 1997 ถึง 2000 หลังจากที่เธอได้รับรางวัลเวิร์ลด์ มิวสิก อวอร์ดส แครีได้สิ้นสุดสัญญากับโซนี่และได้เซ็นสัญญากับอีเอ็มไอด้วยเงิน 70 ล้าน
ปอนด์ในเดือนเมษายน
ค.ศ. 2001 ในอเมริกาและบรรจุอยู่ในอัลบั้มรีมิกซ์ "The Remixes" ของเธอด้วย
อุปสรรคในเรื่องส่วนตัวและอาชีพ ปี 2001 ถึง 2003 ในปี 2004 แครีใช้เวลาส่วนใหญ่กับการทำอัลบั้ม "
The Emancipation of Mimi" ในช่วงปลายปี 2004 เธอได้ร่วมงานกับ
จาดาคิส (Jadakiss) ในเพลง
U Make Me Wanna ซึ่งสามารถเข้าถึง 10และจะได้รับตำแหน่งเดอะลองไอแลนด์มิวสิกฮอลล์ออฟเฟม
การกลับมาของเธอ ปี 2004 ถึงปัจจุบัน แครีได้ก้าวเข้าสู่หนทางการเป็นนักแสดง โดยได้เริ่มเรียนการแสดงในปี 1997 ปีถัดมาเธอได้ออดิชั่นและได้แสดงเป็นตัวประกอบในหนังเรื่อง
เดอะ แบชเชอเรอร์ ผู้ชายหัวใจเวอร์จิ้น (1999) นำแสดงโดย
คริส โอ'ดอนเนลล์ (Chris O'Donnell) และ
เรเน่ เซลเวเกอร์ โดยเธอแสดงเป็นนักร้อง
โอเปร่าสาว
เรื่องต่อมาแครีได้แสดงในหนังกึ่งอัตชีวประวัติของเธอกลิตเตอร์ (Glitter) (2001) โดยครั้งนี้เธอได้แสดงเป็นตัวนำ แสดงร่วมกับแม็กซ์ บีสลีย์ (Max Beesley) เรื่องนี้ล้มเหลวทั้งรายได้และคำวิจารณ์
บทบาททางการแสดง เดอะ แบชเชอเรอร์ ผู้ชายหัวใจเวอร์จิ้น (The Bachelor) (1999)
กลิตเตอร์ (Glitter) (2001)
ไวซ์เกิร์ลส์ (WiseGirls) (2002)
เดธ ออฟ อะ ไดนาสตี (Death of a Dynasty) (2003)
สเตท พร็อพเพอร์ตี 2 (State Property 2) (2005)
เทนเนซซี (Tennessee) (2007)
ผลงานการแสดง แครีเคยพูดว่าเธอได้ถูกกระตุ้นจากนักร้อง
อาร์แอนด์บีและโซลจากศิลปินอย่าง
บิลลี ฮอลิเดย์ ,
ซาราห์ วอห์น ,
แกลดีส์ ไนท์ (Gladys Knight) ,
อารีธา แฟรงคลิน ,
อัล กรีน (Al Green) และ
สตีวี่ วันเดอร์ เธอได้รับอิทธิพลจากดนตรีแนว
กอสเปล และนักร้องแนวกอสเปลที่เธอชื่นชอบคือ
เดอะ คลาร์ก ซิสเตอร์ส (The Clark Sisters) ,
เชอร์ลีย์ เซซาร์ (Shirley Caesar) และ
เอดวิน ฮอกินส์ (Edwin Hawkins)
สไตล์เพลง และ ความสามารถ มารายห์ แครีเป็นนักร้อง
โคโลราทูราโซปราโน (coloratura soprano คือนักร้องระดับเสียงสูงสุดของ
ผู้หญิงที่สามารถใช้เสียงได้หลากหลายด้วยเทคนิคอันแพรวพราวและร้องเสียงเฮดโทนวอยซ์ได้) บางทีคำกล่าวนี้อาจจะเกิดจากการเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถในการใช้เสียงของเธอในการร้องเสียงสูงใน
whistle register โดยเฉพาะโน้ตเพลงในออกเตฟที่เจ็ด
เสียงร้อง แครีมักจะเขียนเพลงที่มีเนื้อเพลงเกี่ยวกับความรัก บางครั้งเธอก็ได้เขียนเนื้อเพลงที่เกี่ยวกับการเหยียดสีผิว ความตาย ความหิวโหย และเรื่องของความเชื่อจิตและวิญญาณ โดยภาคดนตรี ได้ใช้เครื่องดนตรีอีเลคโทรนิค เช่น
ดรัม แมชชีน,
คีย์บอร์ด และ
เครื่องสังเคราะห์เสียง โดยหลายๆเพลงของเธอจะมีเปียโนประกอบอยู่ด้วย แครีเคยเรียน
เปียโนตอนอายุ 6 ขวบ แต่เธอบอกว่าเธอไม่สามารถอ่านโน้ตได้แต่ชอบที่จะร่วมแต่งเพลงกับนักเปียโนเวลาแต่งเพลง และมันง่ายกว่าที่จะทดลองด้วยการรวมเมโลดี้และโครงสร้างคอร์ดด้วยวิธีนี้ การเรียบเรียงเพลงของแครีได้รับอิทธิพลจาก
สตีวี่ วันเดอร์ ที่เธอเคยยกยอว่าเป็นอัจฉริยะแห่งศตวรรษที่ 20
แครียังคงร่วมงานการทำเพลงรีมิกซ์กับโปรดิวเซอร์อย่าง เดวิด โมราเลส ,เจอร์เมน ดูปริ,
จูเนียร์ วาสเควซ และ
ดีเจ คลูย์ ธีมและสไตล์เพลง แครีเธอได้เป็นคนใจบุญใจกุศล ได้ร่วมการบริจาคเงินนับล้านๆดอลล่าร์ให้กับองค์กรการกุศลอย่างเช่น
เมค-อะ-วิช ฟาวเดชัน (Make-A-Wish Foundation) ,
เนชันนอลอะดอบชันเซ็นเตอร์ (National Adoption Center) , โครงการของ
วีเอชวันเซฟเดอะมิวสิก (Save The Music Foundation) ,
เฟร็ชแอร์ฟันด์ (Fresh Air Fund)
กิจกรรมการกุศล และ กิจกรรมอื่นๆ แครี มีออกผลงานอัลบั้มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 โดยมีผลงานทั้งหมด 14 อัลบั้ม โดยเป็นสตูดิโออัลบั้ม 10 อัลบั้ม อัลบั้มรวมเพลง 2 อัลบั้ม อัลบั้มรีมิกซ์ 1 อัลบั้ม อัลบั้มอีพี 1 อัลบั้ม โดยมี 5 อัลบั้มที่ขึ้นอันดับ 1 บนอันดับอัลบั้มในอเมริกา
ดูบทความหลักที่ ผลงานของมารายห์ แครี ผลงานเพลง Mariah Carey (1990)
#1 US 11 สัปดาห์ Emotions (1991)
#4 US Music Box (1993)
#1 US 8 สัปดาห์ Merry Christmas (1994)
#3 US Daydream (1995)
#1 US 6 สัปดาห์ Butterfly (1997)
#1 US 1 สัปดาห์ Rainbow (1999)
#2 US Glitter (2001)
#7 US Charmbracelet
(2002)
#3 US The Emancipation of Mimi (2005)
#1 US 2 สัปดาห์ สตูดิโออัลบั้ม MTV Unplugged (1992)
#3 US # 1's (1998)
#4 US Greatest Hits (2001)
#52 US The Remixes (2003)
#26 US อัลบั้มอื่นๆ 1991: The First Vision
1992: MTV Unplugged +3
1994: Here Is Mariah Carey
1996: Fantasy: Mariah Carey at Madison Square Garden
1999: Around the World
1999: #1's
ทริบิ้วต์อัลบั้ม 1993: Music Box Tour
1996: Daydream World Tour
1998: Butterfly World Tour
2000: Rainbow World Tour
2003–2004: Charmbracelet World Tour
2006: The Adventures of Mimi Tour